ผู้ชายไทยเสี่ยงมะเร็งจากการกินผักผลไม้ไม่เพียงพอ

มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบัน และสถาบันมะเร็งกำลังจับตามอง มะเร็งลำไส้และทวารหนัก ซึ่งพบมาเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และ  อันดับ 5 ในเพศหญิง 

จากข้อมูลของ Thaihealth Watch ร่วมกับสำนักงานระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ พบว่าคนไทยมีแนวโน้มเสียชีวิตด้วยมะเร็งลำไส้จากปี 2552 ถึง 2561 สูงขึ้น 2.4 เท่า จาก 2.8 คนต่อแสนประชากรในปี 2552 เป็น  6.7 คน ในปี 2561 โดยมีความชุกสูงในเขตกทม​. (15.1 คนต่อแสนประชากร)

การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่คนไทยยังกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ ตามเกณฑ์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่แนะนำให้กินผักและผลไม้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัก) ไม่น้อยกว่าวันละ 7 ส่วน จากการศึกษาพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทย โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ในเดือนพฤษภาคม 2562 ได้สำรวจประชากรจำนวน 7,957 คน พบว่าไม่มีกลุ่มใดที่กินผักเพียงพอ โดยกลุ่มที่กินผักและผลไม้น้อยที่สุดคือกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงานตอนต้น

หากพิจารณาปัจจัยทางประชากรศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ พบว่าปัจจัยได้แก่ เพศ สถานะครอบครัว พื้นที่อยู่อาศัย และลักษณะงาน มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมดังกล่าวอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ

เพศชาย – พบการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ มากถึง 1.3 เท่า

สถานะโสด – พบการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ มากถึง 1.4 เท่า

ผู้ที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ – พบการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ มากถึง 1.84 เท่า

พนักงานบริษัท – พบการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอ มากถึง 2.52 เท่า

โจทย์ชวนคิด

เราจะสร้างเสริมพฤติกรรมการกินผักผลไม้ให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในกลุ่มพนักงานบริษัท เพศชาย อยู่ในวัยทำงาน (อายุ 15-29 ปี) ที่อาศัยอยู่คนเดียว ในพื้นที่กรุงทพมหานคร ได้อย่างไร

ที่มา:

  • การศึกษาพฤติกรรมการกินผักและผลไม้ของคนไทย โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ปี 2562
  • Thaihealth Watch 2563
  • https://www.thebangkokinsight.com/20615/